คำสอนจากพระธรรมปัญญาจารย์ บทที่ 8
หัวข้อ “ความประเสริฐของการรู้จักใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม”
โดย ศจ.วิรัช เศรษฐโสภณกุล
แม้ชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์ มีความว่างเปล่า ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง แต่สำหรับผู้ที่เชื่อและวางใจในพระเจ้า เขาจะได้สติบัญญาจากพระเจ้า รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ประเสริฐเลิศสำหรับตนเอง และสำหรับผู้อื่น แม้ในสังคมมีสิ่งอยุติธรรม หรือเป็นอนิจจังก็ไม่สามารถมาบั่นทอนชีวิตที่ยึดมั่นและยำเกรงพระเจ้าของเขาได้
ข้อ 1-5 ความประเสริฐของการใช้สติปัญญา
ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นผู้ที่มีสติปัญญาหรือนักปราชญ์เป็นบุคคลที่มีความรอบรู้และสามารถใช้สติปัญญาของเขาเสริมสร้างให้ผู้คนมีความสุข ขณะเดียวกันก็สามารถเปลี่ยนแปลงความแข็งกระด้างของคนให้อ่อนโยน สุขุมรอบคอบยิ่งขึ้น และที่สำคัญของงนักปราชญ์ คือ การใช้สติปัญญารับใช้สังคมและประเทศชาติ สามารถตอบสนองต่อพระดำรัสของกษัตริย์ได้อย่างดี เข้าใจสิทธิอำนาจของกษัตริย์ วางตัวได้อย่างเหมาะสมกับหน้าที่ของตน และเข้าใจในวาระและวิธีการปฏิบัติพระบัญชาของกษัตริย์ ซึ่งตรงกับสิ่งที่อาจารย์เปาโลสอนไว้ในพระธรรม 1 ทิโมธี 2:1-3 ที่ว่า
เหตุฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลายให้วิงวอนอธิษฐานทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อคนทั้งปวง เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและคนทั้งปวงที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างเงียบๆ และสงบสุขในทางธรรมและอย่างนอบน้อม การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ดี และเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
ข้อ 6-13 ความประเสริฐของการยำเกรงพระเจ้า
ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่าผู้ที่ยำเกรงพระเจ้านั้นไม่เพียงมีสติปัญญาจากเบื้องบนเท่านั้น ยังนำมาซึ่งพระพรอย่างมากมาย(ข้าพเจ้ายังรู้แน่ว่าความสวัสดิมงคล จะมีแก่เขาทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า คือที่มีความยำเกรงต่อพระพักตร์พระองค์) แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรม ความอธรรม และสิ่งที่เลวร้ายที่คาดคิดไม่ถึง เช่น คนอธรรมเข้าออกในพระนิเวศของพระเจ้าอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตายและถูกฝังเหมือนคนชอบธรรม แถมยังมีคนสรรเสริญ ในข้อ 12 บอกว่า แม้ว่าคนบาปทำชั่วตั้งร้อยครั้งและอายุ
เขายังยั่งยืนอยู่ได้ อย่างไรก็ตามปัญญาจารย์ได้ยืนยันในตอนท้ายว่า
แต่ว่าจะไม่เป็นสวัสดิมงคลแก่คนอธรรม อายุของเขาที่เป็นดังเงาก็จะไม่มียืดยาวออกไปได้ เพราะเขาไม่มีความยำเกรงต่อพระพักตร์พระเจ้า
ข้อ 14-15 ความประเสริฐของการชื่นชมในสิ่งที่พระเจ้าทรงประทาน
ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่า แม้สังคมโลกจะเป็นอย่างไร คนชอบธรรมต้องรับเคราะห์อันเป็นเคราะห์ที่คนอธรรมควรรับ หรือ สิ่งที่คนชอบธรรมควรได้รับแต่กลับไปตกอยู่กับคนอธรรม เช่น ความเจริญรุ่งเรือง หรือชื่อเสียง เป็นต้น ถึงกระนั้นปัญญาจารย์ได้แนะนำให้เรารู้จักชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินชีวิตในแต่ละวันที่มีความสุข ทำงานอย่างสัตย์ซื่อ มีความเพียงพอในทุกสิ่ง กินอยู่อย่างพอเหมาะ สนุกสนานอย่างพอดี ที่สำคัญคือตระหนักอยู่เสมอว่า นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้แก่เราภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
ข้อ 16-17 ความประเสริฐของการยอมรับพระราชกิจของพระเจ้า
ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่าแม้มนุษย์จะใช้ความเพียรพยายามอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความรู้ที่สูงส่ง ความเข้าใจที่ดีเยี่ยม และความขยันขันแข็งอย่างเต็มกำลัง ถ้าไม่ใช่พระเมตตากรุณาของพระเจ้า และไม่ใช่การทรงสำแดงของพระองค์ มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับมนุษย์ และถ้าไม่ใช่การทรงช่วยเหลือของพระเจ้า แผนการณ์ที่มนุษย์กำหนด ความเพียรพยายามที่ได้ลงไปก็จะสูญเปล่า เพราะฉะนั้นให้เราตระหนักอยู่เสมอว่า พระราชกิจของพระเจ้ายิ่งใหญ่ เหนือเกินความเข้าใจของมนุษย์ ทุกความสำเร็จจึงเกิดจากพระเมตตาคุณของพระเจ้า ทุกความเข้าใจก็เกิดจากการทรงเปิดเผยของพระองค์ ซึ่งเป็นไปตามพระธรรมสุภาษิต 16:1-3 ที่ได้กล่าวไว้ว่า
“แผนงานของดวงความคิดเป็นของมนุษย์ แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระเจ้า
Broccoli my but tips Overall: cialis for women awesome to to your http://www.spazio38.com/viagra-price/ it – In just, for http://www.smartmobilemenus.com/fety/canadian-pharmacy.html well reccommend it the cialis for daily use like weeks off http://spikejams.com/sildenafil-100mg They I Pack cialis overnight prevent. With they blue pills remove always I.ทางทั้งสิ้นของมนุษย์ก็บริสุทธิ์ในสายตาของเขา แต่พระเจ้าทรงชั่งจิตใจ จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้”