คำสอนจากปัญญาจารย์ บทที่ 9 “ความจริงที่พระเจ้ากำหนดไว้สำหรับชีวิตมนุษย์ภายใต้ดวงอาทิตย์”

คำสอนจากพระธรรมปัญญาจารย์ บทที่ 9

หัวข้อ “ความจริงที่พระเจ้ากำหนดไว้สำหรับชีวิตมนุษย์ภายใต้ดวงอาทิตย์”

โดย ศจ.วิรัช เศรษฐโสภณกุล

            พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของชีวิตมนุษย์ทุกคน พระองค์ทรงเป็นพระผู้ทรงสร้างและได้ทรงกำหนดสรรพสิ่งทั้งปวงไว้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตมนุษย์ที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ไม่ว่าผู้เชื่อวางใจในพระเจ้า และผู้ที่ยังไม่ได้เชื่อวางใจในพระเจ้า ภายใต้ดวงอาทิตย์สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันสำหรับผู้ที่เชื่อวางใจในพระเจ้า มีชีวิตที่ยำเกรงพระองค์จะเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ สถานการณ์ที่ดีหรือเลวร้าย เขายังมีสันติสุขในพระเจ้าได้สามารถใช้ชีวิตเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและถวายเกียรติแด่พระองค์

ข้อ 1-3 ชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์สุดปลายของชีวิตต่างรับผล

ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่า ชีวิตของเราภายใต้ดวงอาทิตย์สุดปลายของชีวิตก็ได้รับผลเหมือนกันนั่นคือ ต้องตายจากไป ไม่ว่าคนชอบธรรมหรือคนอธรรม คนดีหรือคนบาป คนที่สะอาดหรือคนที่มลทิน คนที่ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า หรือคนที่ไม่ได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า คนที่กล้าสาบานหรือคนที่ไม่กล้าสาบาน ภาพของคน 5 กลุ่มนี้เป็นเหมือนตัวแทนของมนุษย์ทั้งหลายบนโลกนี้สุดท้ายของชีวิตบนโลกนี้ก็คือต้องตายจากไปสิ่งนี้ปัญญาจารย์เรียกว่า สิ่งสามานย์

ข้อ 4-6 ชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์ชีวิตที่เป็นอยู่ดีกว่าตายจากไป

ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่า ชีวิตคนเราภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ การมีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าที่ต้องตายจากไป เพราะคนตายนั้นจะไม่รู้อะไรเลย แม้คนเป็นรู้ว่าท้ายที่สุดชีวิตก็ต้องตายจากไปก็ตาม ส่วนที่ว่าเป็นอยู่ก็ดีกว่าตายไปนั้น เพราะคนเป็นยังมีความหวังได้คนเป็นยังรับรู้ได้ คนเป็นยังมีความรักได้ และคนเป็นยังมีส่วนร่วมในสิ่งต่างๆ ได้ ปัญญาจารย์ได้เปรียบเทียบภาพที่น่าสนใจคือ สุนัขที่เป็นอยู่ ก็ยังดีกว่าสิงห์ที่ตายแล้ว ความจริงในเรื่องนี้ยังเปรียบเทียบให้เห็นอีกภาพหนึ่งที่น่าคิดมากคือ การมีชีวิตที่ไร้เกียรติ ดีกว่าชีวิตที่มีเกียรติแต่ต้องตายไป ข้อความนี้เป็นความจริงในความคิดของคนทั้งปวงที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ แต่ไม่ใช่สำหรับผู้ที่มีความหวังในชีวิตนิรันดร์จะคล้อยตาม

ข้อ 7-9 ชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์ต้องรู้จักชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทาน

ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่า ชีวิตของคนเราภายใต้ดวงอาทิตย์นี้แม้มีสิ่งที่เป็นอนิจจังและเต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากและปัญหามากมาย แต่แท้จริงแล้วได้ทรงจัดเตรียมสิ่งดีมากมายให้แก่ผู้ที่รักพระองค์ ตามที่พระองค์ทรงสัญญาในพระธรรมโรม 8.28 ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่วางใจในพระองค์จึงรู้สึกชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ ไม่ว่า การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ ครอบครัว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาคู่ชีวิตที่พระเจ้าทรงประทาน) และทำหน้าที่ของตนอย่างขยันขันแข็งเต็มกำลัง

ข้อ 10-12 ชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์มีสิ่งที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นอยู่เสมอ

ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่า ชีวิตมนุษย์ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้มีสิ่งที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากมาย บางครั้งมนุษย์อาศัยประสบการณ์ คาดหวังหรือกำหนดคำตอบไว้แล้วก็ตาม หรือมนุษย์จะใช้ความเพียรพยายามอย่างเต็มกำลังของตน คำตอบอาจไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจก็ได้ เช่น คนเร็วไม่ชนะในการวิ่งแข่งเสมอไป ฝ่ายมีกำลังไม่ชนะสงครามเสมอไป คนฉลาด คนร่ำรวย คนเชี่ยวชาญ อาจไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับวาระและโอกาสของแต่ละคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และมนุษย์ไม่อาจรู้ก่อนนี้ได้

ข้อ 13-17 ชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์ สติปัญญาย่อมดีกว่ากำลังที่มีมากมาย

ปัญญาจารย์บรรยายให้เห็นว่า ชีวิตของคนเราภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ สติปัญญาเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เพราะสติปัญญาก็ดีกว่ากำลังวังชาที่มีอยู่อย่างมากมาย พร้อมทั้งยกตัวอย่างของคนที่มีปัญญาที่ยากจน แต่มีส่วนสำคัญที่ช่วยกู้บ้านเมืองให้พ้นจากความพินาศเนื่องจากการโจมตีของเมืองใหญ่ได้ แต่ถึงกระนั้น ทุกสิ่งก็เป็นความอนิจจัง เพราะไม่มีใครจดจำได้ อย่างไรก็ตาม ปัญญาจารย์ก็ยังคงยืนยันว่าสติปัญญาก็ดีกว่ากำลังและอำนาจ ถ้อยคำของผู้ที่มีสติปัญญา แม้จะสงบเงียบก็ดีกว่าคำตรัสสั่งอย่างมีอำนาจของผู้ครอบครองที่โง่เขลา อีกสิ่งที่ปัญญาจารย์เสียดายมากก็คือ ผลของการกระทำของคนบาปคนเดียวอาจทำให้สิ่งดีมากมายที่คนอื่นได้สร้างสรรค์ไว้ต้องเสียหายอย่างย่อยยับ แม้กระนั้นก็ไม่ควรท้อใจที่จะกระทำสิ่งดีๆ ต่อไปด้วยสติปัญญา ด้วยความชื่นชมยินดีในพระเจ้า และด้วยความหวังในพระองค์