คำสอนจากพระธรรมปัญญาจารย์ บทที่ 4
“ภายใต้ดวงอาทิตย์…..ชีวิตต้องต่อสู้ ”
โดย ศจ.วิรัช เศรษฐโสภณกุล
ปัญญาจารย์ได้กล่าวไว้ว่าชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์ มีสิ่งที่ต้องเผชิญมากมาย อาจเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมสำหรับมนุษย์ อาจเป็นการกดขี่ข่มเหงที่รุนแรง อาจเป็นการดำเนินชีวิตตรากตรำทำงานหนัก แต่ก็ไม่ได้มีผลดีอันใด เพราะฉะนั้นชีวิตจึงเป็นอนิจจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่แท้จริงแล้วพระเจ้าทรงโปรดให้มนุษย์มีสิ่งดีอีกมากมายที่มนุษย์สามารถแสะแสวงหาความสุขได้ด้วยชีวิตที่รู้จักชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับมนุษยชาติ เช่น ความเป็นเพื่อน
การอยู่ร่วมกัน เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า สุดท้ายของชีวิตภายใต้ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ก็คือ ความว่างเปล่า อนิจจัง กินลมกินแล้ง
ข้อ 1-3 การกดขี่ข่มเหงและความอยุติธรรม
มีคนมากมายที่ถูกทำร้ายอย่างไม่ชอบธรรม ถูกข่มเหงโดยไม่มีเหตุผล และไม่ได้รับความยุติธรรมซึ่งไม่มีใครช่วยพวกเขาได้ น้ำตาแห่งความทุกข์ก็ไม่มีใครปลอบประโลมใจ ความทุกข์ยากลำเค็ญก็ปราศจากผู้เหลียวแล ซึ่งผู้เขียนปัญญาจารย์เข้าใจปัญหานี้อย่างดี และรู้ว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินกว่าที่จะบรรยาย จึงเปรียบเทียบในเชิงตรงข้ามเพื่อให้รู้ว่าไม่ยุติธรรมจริงๆ โดยกล่าวว่า
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าแสดงความยินดีว่า คนตายที่ตายไปแล้วมีโชคดีกว่าคนเป็นที่ยังเป็นอยู่ เออ คนที่ยังไม่เป็นมา ที่ไม่เห็นการชั่วที่อุบัติขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ ก็ยิ่งดีกว่าคนทั้งสองจำพวกนั้น
ข้อ 4-8 การตรากตรำทำงานหนักกับผลที่ได้รับ
มีคนมากมายทำงานหนักเพื่อความอยู่รอด และก็มีผู้ที่ทำงานหนักเพราะเกิดจากการอิจฉาริษยา ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดช่างฝีมือที่มาจากการแข่งขันกัน แต่ก็มีคนที่ไม่ยอมทำอะไรเลย งอมืองอเท้า ผลที่ได้รับก็คือทำร้ายชีวิตของตน แต่คนที่มุ่งแต่ทำงานงานเพราะความโลภ ไม่เพียงพอ ผลที่ได้รับก็ไม่แตกต่าง คือ ทำร้ายชีวิตของตน จนถึงสุดท้ายเขาอาจตระหนักได้จึงถามตัวเองว่า
ข้าตรากตรำทำงานและตัวข้าอดๆอยากๆเพื่อผู้ใด
ข้อ 9-12 สองคนก็ดีกว่าคนเดียว เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้
มีคนมากมายเช่นเดียวกันรู้จักใช้ชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์นี้อย่างมีปัญญา ไม่เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง ไม่หยิ่งผยอง ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ไม่โลภของผู้อื่น และไม่หลงตนเอง คนเช่นนี้เขาจะรู้จักคุณค่าของเพื่อน หุ้นส่วน ทีมงาน และเครือข่าย และผลที่เขาจะได้รับ คือ ผลของงานที่ดีกว่า(เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับผลของงานดี) การช่วยเหลือในยามทุกข์ยากลำบาก(ถ้าคนหนึ่งล้มลงอีกคนหนึ่งจะได้พะยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น) เพื่อนที่ให้ความอบอุ่นทั้งกายและใจ (ถ้าสองคนนอนอยู่ด้วยกัน เขาก็อบอุ่น แต่ถ้านอนคนเดียวจะอุ่นอย่างไรได้เล่า)การปกป้องรักษาให้แก่กันและกัน(คนหนึ่งสู้คนเดียวได้ สองคนคงสู้เขาได้แน่ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้ ) ภาพที่สะท้อนให้เห็น คือ มนุษย์อยู่ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องมีพระเจ้า มีพี่น้อง มีเพื่อน ทำงานคนเดียวสู้สองคนไม่ได้ ทำงานแค่สองคนสู้ทำงานเป็นทีมไม่ได้ ประโยชน์ที่ได้ผลที่เกิดมีมากเกินกว่าที่คิด
ข้อ 13-16 คนหนุ่มยากจนมีปัญญาดีกว่ากษัตริย์ชราที่โฉดเขลา
มีคนมากมายเข้าใจว่า ทรัพย์สินเงินทอง ฐานันดร สิทธิอำนาจ เป็นสิ่งที่สามารถกำหนดทุกสิ่งได้ แต่ผู้เขียนปัญญาจารย์กำลังบอกความจริงว่า แม้เป็นกษัตริย์มีอำนาจ มีบารมี แต่ปราศจากปัญญาก็ไร้ค่า ตรงกันข้ามแม้ยากจน แม้เป็นคนหนุ่ม(ขาดประสบการณ์) แต่มีปัญญาจากพระเจ้า ชีวิตก็มีคุณค่าและมีความหมายมากกว่า
โลกเต็มไปด้วยความทุกข์ก็จริง แต่ก็เต็มไปด้วยชัยชนะเหนือมันด้วย